คนญี่ปู๊น คนญี่ปุ่น

เรื่องราวแปลกๆของคนญี่ปุ่น ที่มันช่างญี่ปู๊นญี่ปุ่น จนทำให้คนไทยอย่างผม งงงวยไปกับความเป็นญี่ปุ่นอย่างยอมรับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หรือต้องทนยอมรับบ้าง

Saturday, December 03, 2005

ตอนที่ 1: ทำไมต้องไปทริปแล็บ

ตั้งใจมานานแล้วเหมือนกันว่าจะเขียนอะไรที่มันเกี่ยวกับคนญี่ปุ่น เพราะว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยหลายๆอย่างที่จะว่าแปลกก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าแทบไม่เหมือนใครในโลก และไม่มีใครเหมือนได้ หรือไม่มีใครอยากเหมือน จนได้ว่าเป็นคนญี่ปู้น คนญี่ปุ่น ตามชื่อเรื่องที่ตั้งเอาไว้

ที่ได้ฤกษ์เขียนในครั้งนี้เพราะว่าเพิ่งกลับจากทริปแล็บเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แล้วมีความรู้สึกว่านี่แหละเป็นความคิดของคนญี่ปุ่นของแท้และแน่นอน เลยรีบนำมาเขียนเป็นตอนแรกของบทความชุดนี้ก่อนที่ความรู้สึกจะเลือนลางไป ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีไปซักกี่ตอน ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับความเป็นเอกลักษณ์สุดๆของคนญี่ปุ่นนั้น จะมาให้ผมได้รับรู้สัมผัสมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

เท้าความก่อนนิดนึงว่า ที่ญี่ปุ่นนี้ การเรียนในระดับปริญญาโทขึ้นไป ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสายวิทย์หรือศิลป์จะมีการแบ่งเป็น ห้องวิจัย ต่างๆหรือที่เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า เคงคิว หรือง่ายๆว่า แล็บ สำหรับภาษาอังกฤษ ซึ่งแต่ละแล็บก็จะมีศาสตราจารย์ประจำแล็บ และก็อาจจะมีอาจารย์เล็กอาจารย์รองมากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของแล็บนั้นๆ

นอกจากเรื่องเรียนเรื่องวิจัยแล้ว อีกเรื่องนึงที่สำคัญไม่แพ้กันในแล็บก็คือกิจกรรมต่างๆของแล็บ ที่ก็จะมีมากน้อยต่างกันไปขึ้นอยู่กับศาสตราจารย์ประจำแล็บนั้นๆ(เป็นหลัก) ในส่วนของแล็บผมนั้น ถือว่าเป็นแล็บที่มีกิจกรรมต่างๆมากอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงต่างๆ เริ่มจากการเลี้ยงต้อนรับเด็กปีสี่ที่เข้าแล็บใหม่ งานเลี้ยง(เกือบ)ทุกครั้งที่มีการพรีเซนท์ใหญ่ๆเสร็จ งานเลี้ยงฉลองจบ งานเลี้ยงสิ้นปีก่อนปีใหม่ และงานเลี้ยงอื่นๆตามโอกาส ซึ่งก็จะหมดตัวกันไปตามๆกัน นอกจากนั้นก็จะมีการเล่นกีฬาระหว่างแล็บภายในภาควิชา ที่ต้องจัด ย้ำว่า ต้องจัด เพราะมันเป็นประเพณี มันเป็นหน้าที่ มากกว่าเพื่อความสนุกสนาน ถึงแม้ตอนแข่งก็จะดูสนุกสนานกันอยู่พอสมควรก็ตาม

และอีกกิจกรรมนึงที่แล็บโดยส่วนใหญ่จะมี นั่นก็คือการจัดทริปแล็บไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดกันปีละครั้ง แต่แล็บของผมจัดกันปีละ สองครั้ง เนื่องด้วยเพราะอะไรไม่อาจทราบได้(แม้จะเคยถามเพื่อนๆในแล็บมาบ้างก็ตาม) แต่สันนิษฐานได้สองข้อ คือหนึ่ง อาจารย์สั่งมา หรือสอง ทำต่อเนื่องกันมาจนยากที่จะเปลี่ยนแปลง สองครั้งที่ว่านี้ก็คือ ไปเที่ยวทะเลตอนซัมเมอร์ครั้งนึง และไปแช่บ่อน้ำร้อนตอนช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอีกครั้งนึง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะต้องเสียสะตุ้งสตางค์ไม่ต่ำกว่าห้าพันบาทต่อคนสำหรับสองวันหนึ่งคืน

จะว่าไปหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าไปเที่ยวตั้งปีละสองครั้งมันไม่ดีตรงไหน หรือมันแปลกตรงไหน จริงๆผมออกจะเป็นคนชอบท่องเที่ยวซะด้วยซ้ำไป แต่ที่ว่าแปลกก็คือจุดประสงค์หลักของการไปเที่ยวทริปแล็บคือ การที่ร่วมกิจกรรมของแล็บที่มีอาจารย์ไปด้วย นั่นก็หมายความว่า ถ้าอาจารย์ไม่ไป ก็ไม่ได้มีความอยากหรือสนุกสนานตั้งตารอคอยที่จะไปเที่ยว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปนั่นเอง เหตุผลหลักๆที่ไม่อยากไปกันนั้น ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆทองๆนั่นเอง ใครที่คิดว่าคนญี่ปุ่นทุกคนมีเงินถุงเงินถังใช้กันก็คงผิดถนัดเลย หลายคนตระหนี่มากกว่าเราเยอะ คิดอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด ต้องขยันทำงานพิเศษเพื่อเอามาซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆ

กลับมาเรื่องทริปแล็บกันต่อ ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่อาจารย์ติดธุระจริงๆ ไม่สามารถไปได้ ทำให้หลายๆคนมาบ่นกันว่าไม่มีความหมายใดๆที่จะไป ซึ่งมันเหมือนเป็นภาคบังคับที่จะต้องไป เป็นหน้าที่ คิดดูแล้วกันว่า การไปเที่ยว ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ นั่นละเหตุผลที่ผมไม่อยากจะไปทริปแล็บสักเท่าไหร่ ยิ่งช่วงแรกๆที่เพิ่งเข้าแล็บใหม่ๆที่ยังไม่ค่อยสนิทกับใคร คิดดูเองแล้วกันว่าการไปเที่ยวมันจะน่าเบื่อแค่ไหนที่ไม่รู้จะพูดจาปราศรัยกับใคร เหมือนนั่งรถนิ่งๆไป นอนหนึ่งคืนแล้วกลับ แต่พอหลังๆเริ่มกันเองคุ้นเคยมากขึ้นก็เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ หรืออาจจะชินไปแล้วก็ไม่อาจทราบได้

บอกเล่ากันสักหน่อยว่าไปทำอะไรกันบ้างที่ทริปแล็บ ง่ายๆเลยก็คือว่า ไปเปลี่ยนที่นอนกับที่ดื่มเหล้าดื่มเบียร์นั่นเอง แถมด้วยไปเที่ยวนิดๆหน่อยๆ ตอนอยู่ที่โรงแรม ก็ต้องมานั่งรวมกันที่ห้องๆหนึ่ง นั่งคุยกันไปเรื่อย โดยมีควันบุหรี่อบอวลเต็มห้องนอนห้องนั้นเป็นของแถมที่ไม่อยากได้ บางกลุ่มก็อาจจะเล่นเกม เล่นหมากรุกญี่ปุ่นว่ากันไป ถ้าไม่ใส่ใจอะไรมาก ก็หนีไปนอนห้องอื่น หรือไปนั่งเล่นห้องอื่นได้เหมือนกัน ผมจึงมักจะพกหนังสือสักเล่มไปเสมอ เพื่อจะได้หนีจากห้องรวมเมื่อทนกลิ่นบุหรี่ไม่ไหว กว่าจะแยกย้ายกันก็ต่อเมื่ออาจารย์ลุกไปนอนห้องที่จัดไว้พิเศษนั่นล่ะ

นี่แหละ...ทริปแล็บสไตล์คนญี่ปู้นคนญี่ปุ่นที่เป็นหน้าที่เหมือนการเกณฑ์ทหาร ที่คนที่ชอบนอนอยู่บ้านเฉยๆ กับคนที่ชอบบุกป่าฝ่าดง ต้องมาเที่ยวด้วยกันแบบเสียไม่ได้ ก็เลยสนุกแบบเจื่อนๆอย่างนี้ล่ะ อย่างไรก็ตาม ทริปแล็บปีนี้ ผมให้คะแนนสี่ดาวไปเลยทั้งทริปทะเลและบ่อน้ำร้อน เพราะได้ไปในที่ที่เราไม่เคยไป และมันก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดีไม่น้อย แถมมีการแบ่งกลุ่มเป็นสองพวกในวันที่สอง ทำให้ผมไม่จำเจเท่าไหร่ นัก เอาเป็นว่าคุ้มกับตังค์ที่เสียไปก็แล้วกัน อีกอย่างคงเป็นเพราะผมสนิทกับเพื่อนๆบ้างแล้วกระมัง...

P.S. Sorry for non-Thai native people